ชวนส่อง “ลักษณะขององค์กร” ที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคเครียดสะสม ที่พนักงานบางคนต้องเผชิญ พร้อมแนะแนวทางให้องค์กรปรับตัวกับพนักงานได้อย่างเข้าใจ

ชวนส่อง “ลักษณะขององค์กร” ที่อาจเป็นต้นเหตุของโรคเครียดสะสม ที่พนักงานบางคนต้องเผชิญ พร้อมแนะแนวทางให้องค์กรปรับตัวกับพนักงานได้อย่างเข้าใจ 💭

ในแต่ละวัน พนักงานออฟฟิศหลายคนตื่นขึ้นมาพร้อมกับอารมณ์ที่หลากหลาย บางคนพร้อมลุยงานด้วยพลังงานเต็มร้อย พร้อมสู้ทุกสถานการณ์ แต่ในทางกลับกัน บางคนกลับรู้สึกเหนื่อยล้า หมดไฟ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน ทั้งที่ไม่ได้ป่วย ไม่ได้เจอเรื่องร้ายแรงอะไรในชีวิตส่วนตัว แต่กลับรู้สึกเช่นนี้ซะอย่างนั้น และบางครั้งก็ถึงขั้น ‘เครียดสะสมอยู่ในใจจนแน่น’ โดยไม่รู้ตัว 

ด้วยเหตุนี้ ในยุคที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับ “สุขภาพจิต” พอ ๆ กับผลตอบแทน และ Work-Life Balance ก็กลายเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักของการเลือกที่ทำงานของพนักงานออฟฟิศ หลายองค์กรเริ่มตื่นตัวเรื่องนี้มากขึ้น เพราะรู้แล้วว่า ไม่ใช่แค่ผลประกอบการหรือยอดขายเท่านั้นที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้ไปข้างหน้า แต่คือ “คนทำงาน” ที่อยู่เบื้องหลังทุกความสำเร็จ

บทความนี้ StarWork Serviced office ออฟฟิศให้เช่า เลยอยากจะชวนทุกคนมาส่องกันแบบสบาย ๆ ว่า ‘ลักษณะขององค์กร’ ที่ทำให้พนักงานรู้สึกหมดไฟ หรือหนักกว่านั้น คือเข้าสู่ภาวะเครียดสะสม มีอะไรบ้าง พร้อมแนะนำแนวทางที่องค์กรควรเริ่มปรับ เพื่อให้พนักงานในองค์กรไม่แค่ทนทำงาน แต่ “อยู่ด้วยใจที่อยากทำงานที่นี่ไปนาน ๆ ”

🚫 6 ลักษณะองค์กรที่เป็นต้นเหตุของการเครียดสะสมในพนักงานออฟฟิศ 

“สภาพแวดล้อมขององค์กร” ที่พนักงานออฟฟิศต้องเผชิญทุกวัน หลายคนไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่ง แต่กลับรู้สึกว่า “ไม่เหมาะกับที่นี่” และ “ไม่มีใครเข้าใจ” จนสุดท้ายส่งผลต่อสุขภาพจิตเงียบ ๆ 

1.สื่อสารไม่ชัดเจน ไม่มีพื้นที่ให้ถาม หรือเสนอความเห็น

หลายองค์กรยังใช้การสื่อสารแบบบนลงล่าง (Top-down communication) ที่หัวหน้าพูดอย่างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้พนักงานซักถามหรือเสนอความคิดเห็น ส่งผลให้พนักงาน “งง” ไม่รู้ว่าควรทำอะไรกันแน่ และรู้สึกว่าความเห็นของตัวเองไม่มีค่า ยิ่งถ้าร่วมกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือทิศทางบ่อย ๆ โดยไม่อธิบายหรือชี้แจงให้เข้าใจ ก็ยิ่งสร้างความไม่มั่นคงในใจ เหมือนพรุ่งนี้จะไม่มีที่ให้ยืน

2.คาดหวังความสามารถจากพนักงานสูง แต่ไม่ให้โอกาสเรียนรู้

องค์กรบางแห่งต้องการผลลัพธ์ระดับเทพ แต่ไม่ให้เวลา ไม่ให้ทรัพยากร และไม่เปิดพื้นที่ให้พนักงานได้ลองผิดลองถูก แต่เมื่อพนักงานทำไม่ได้ก็กลายเป็นว่า “พนักงานศักยภาพไม่ถึง ไม่เก่ง ไม่ดีพอ” ทั้งที่จริง ๆ แล้ว พวกเขาแค่ยังไม่มีโอกาสได้พัฒนาและเรียนรู้ตามจังหวะของตัวเองเท่านั้นเอง

3.ไม่มีพื้นที่ปลอดภัยให้พูดคุย

ในบางวัฒนธรรมองค์กร พนักงานเลือกที่จะ “เงียบ” เพราะกลัวว่าถ้าพูดปัญหาจะกลายเป็นคนเรื่องเยอะ หรือถูกมองว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ บางคนเคยเสนอความคิดเห็นแต่โดนปัดตกแบบไม่ใยดี สุดท้ายก็กลายเป็นความรู้สึกว่า “พูดไปก็เท่านั้น” พอไม่มีใครฟัง พนักงานก็เริ่มเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเครียดเรื้อรัง

4.ระบบแข็งตัว ไม่มีอิสระ ไม่มีความหมาย

บางองค์กรมีโครงสร้างที่เข้มงวดเกินไป ต้องผ่านขั้นตอนเยอะ ต้องรอผู้ใหญ่อนุมัติ หรือพูดอะไรก็โดนบอกให้ “ทำตามที่สั่งพอ” สิ่งเหล่านี้ไปลดทอนพลังความคิดสร้างสรรค์ของพนักงาน และบอกโดยนัยว่า “เสียงคุณไม่มีความหมาย” พอรู้สึกแบบนั้นบ่อยเข้า คนก็หมดใจที่จะพัฒนาอะไรให้ดีขึ้น

5.พนักงานทำดี แต่ไม่เคย “ถูกมองเห็น”

ในบางองค์กร ต่อให้พนักงานทุ่มเท ทำงานดีแค่ไหน ก็ไม่เคยได้รับคำชม หรือโอกาสในการเติบโต กลายเป็นความรู้สึกว่า “ฉันไม่มีตัวตน” พอไม่ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มหมดแรงที่จะพยายาม เพราะไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน ก็เหมือนไม่มีใครใส่ใจอยู่ดี

6.ฟังแบบขอไปที ไม่คิดจะเปลี่ยน

องค์กรบางแห่ง “ฟัง” แต่ไม่ได้ “รับฟัง” พนักงานอาจเคยเสนอไอเดีย เคยแจ้งปัญหา หรือขอความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็เงียบหาย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่มีผลอะไรเลย ก็ยากที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนี้

องค์กรที่ดี…ไม่ใช่แค่สวยหรู แต่ต้องเป็น “พื้นที่ที่ใคร ๆ ก็อยากอยู่ต่อ”

เริ่มต้นที่ “ฟังอย่างเข้าใจ” ไม่ใช่แค่ฟังแบบผ่าน ๆ

การเปิดรับเสียงของพนักงานคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญขององค์กรที่ดี ไม่ใช่แค่เปิดฟอร์มให้ติชมแล้วจบ แต่ต้อง “ฟังจริง” ด้วยใจ เปิดพื้นที่ให้พูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นการจัดช่วง Feedback อย่างไม่เป็นทางการ หรือสร้างช่องทางลับที่พนักงานสามารถเสนอความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องเปิดตัว

เพราะแค่รู้ว่า “เสียงของเราไม่สูญเปล่า” ก็ช่วยให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรได้แล้ว

หัวหน้าที่เข้าใจ คือพลังของทีม

หัวหน้าที่ดีไม่ได้เป็นแค่ผู้ควบคุม แต่เป็น “ผู้นำ” ที่ช่วยพาไปข้างหน้า เป็นผู้สนับสนุน คอยเติมกำลังใจ และคอยชี้ทางให้ชัดเจน ไม่ใช่คนที่คอยจับผิดหรือใช้อำนาจโดยไม่ฟังใคร

บางครั้งแค่คำพูดให้กำลังใจสั้น ๆ ก็สามารถเปลี่ยนวันแย่ ๆ ให้กลายเป็นวันที่พนักงานรู้สึกมีคุณค่าได้แล้ว

ความชัดเจน คือเข็มทิศในการทำงาน

การมีเป้าหมายชัดเจน หน้าที่ชัดเจน และทิศทางขององค์กรที่สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา จะช่วยให้พนักงาน “มั่นใจ” ว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่มีความหมาย และไม่เสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูกอย่างไร้ทิศทาง

อิสระและยืดหยุ่น คือพื้นที่ที่คนทำงานได้ดีที่สุด

ไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานได้ดีตอนเช้า และไม่ใช่ทุกคนที่อยากเข้าออฟฟิศทุกวัน พนักงานแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ มีจังหวะที่ต่างกัน การเปิดทางเลือกให้ เช่น Work from Anywhere หรือเวลาเข้างานที่ยืดหยุ่น จะทำให้พนักงานมีสมาธิและพลังเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับตัวเองจริง ๆ

พื้นที่ทำงานที่ดี ช่วยให้ใจพนักงานไม่เหนื่อย

อย่ามองข้าม “สถานที่ทำงาน” เพราะพนักงานต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่วันละไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ถ้าออฟฟิศคับแคบ โต๊ะเบียด แอร์ร้อน แสงน้อย หรือไม่มีที่ให้พักสายตาเลย ก็ไม่แปลกที่พนักงานจะหมดแรงใจง่ายขึ้น

โอกาสในการเติบโต คือแรงผลักใจที่สำคัญ

พนักงานทุกคนต่างต้องการ “อนาคต” ที่ชัดเจน การเปิดโอกาสให้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ท้าทายตัวเอง หรือแม้แต่การเลื่อนตำแหน่งตามความสามารถ ไม่เพียงแค่ช่วยให้คนเก่งอยากอยู่ต่อ แต่ยังทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกว่า “องค์กรเห็นความพยายามของเรา”

วัฒนธรรมองค์กรที่ “เห็นคุณค่าคน” สำคัญที่สุด

สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ยึดเหนี่ยวใจพนักงานได้ดีที่สุด อาจไม่ใช่โบนัสก้อนโต หรือปาร์ตี้สิ้นปี แต่คือวัฒนธรรมที่ “เห็นความเป็นมนุษย์” ของกันและกัน

การกล่าวขอบคุณ การชื่นชมเล็ก ๆ น้อย ๆ การรับฟังโดยไม่ตัดสิน หรือแม้แต่การอยู่เคียงข้างในวันที่พนักงานล้ม มันคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ และสร้างพลังใจให้พนักงานอยากลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

อย่าลืมนะว่า…
องค์กรจะขับเคลื่อนไปได้ไกลแค่ไหน ไม่ได้วัดแค่ยอดขายหรือโปรเจกต์ที่สำเร็จ แต่คือการที่มี “พนักงานดี ๆ อยู่กับเราไปได้นานที่สุด”
และไม่ว่าจะมีอุปสรรคหรือความเปลี่ยนแปลงอะไรเข้ามา ถ้าพนักงานสุขภาพจิตดี เขาจะเป็นทีมที่อยู่ข้างคุณเสมอ

เพราะการดูแลพนักงาน ไม่ใช่แค่เรื่องความเมตตา แต่มันคือ “การลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด” สำหรับองค์กรในระยะยาว

ลองเริ่มจากการปรับมุมมอง เปิดใจให้กว้าง และเลือกสถานที่ทำงานที่พร้อมดูแลทั้งสุขภาพกายและใจของพนักงานแบบ StarWork Serviced Office แล้วคุณจะรู้ว่า “ออฟฟิศดี ๆ” มีผลต่อความสุขของทีมขนาดไหน

ออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย ผสมผสานกับธรรมชาติ สามารถติดต่อสอบถามราคา ออฟฟิศให้เช่า ได้ทาง : 

เบอร์โทร : 063 441 4239

E-mail : [email protected]