เช็ก 10 ข้อผิดพลาดยอดฮิตที่ทุกคนเผลอทำ พร้อมวิธีเลี่ยงแบบง่าย ๆ กับ Starwork

สาระความรู้

เคยรู้ไหมว่าความผิดพลาดเล็ก ๆ ในออฟฟิศ อาจทำให้โอกาสดี ๆ หลุดลอย! เช็ก 10 ข้อผิดพลาดยอดฮิตที่ทุกคนเผลอทำ พร้อมวิธีเลี่ยงแบบง่าย ๆ กับ Starwork

พนักงานออฟฟิศเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ แต่ในกระบวนการทำงานที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและความกดดัน ข้อผิดพลาดบางอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย และบางครั้งอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประสิทธิภาพงาน สุขภาพ และความสัมพันธ์ในที่ทำงาน

บทความนี้ StarWork Serviced office ออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่จะพาคุณเจาะลึกถึง 10 ข้อผิดพลาดที่พนักงานออฟฟิศมักทำ พร้อมวิธีป้องกันเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว

 

1. การจัดการเวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ

การบริหารเวลาเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับพนักงานออฟฟิศ แต่หลายคนยังคงประสบปัญหา เช่น การทำงานไม่เสร็จตามกำหนด ขาดลำดับความสำคัญ หรือหมดเวลาไปกับกิจกรรมที่ไม่สร้างผลลัพธ์

คำแนะนำ: 

  • ใช้เทคนิค Time Blocking: แบ่งช่วงเวลาของวันออกเป็นบล็อกงานที่เฉพาะเจาะจง โดยจัดลำดับความสำคัญของงานสำคัญก่อนเสมอ วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและลดการเสียเวลาไปกับงานที่ไม่สำคัญ

  • ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อการติดตามงาน: เช่น Trello หรือ Asana ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยจัดระเบียบงาน ติดตามความคืบหน้า และช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของงานที่ต้องทำได้อย่างชัดเจน

  • ตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นออก: เช่น การเลื่อนดูโซเชียลมีเดียในระหว่างเวลาทำงาน หรือการตอบข้อความที่ไม่เร่งด่วน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจทำให้คุณเสียสมาธิและลดประสิทธิภาพการทำงาน

การนำเทคนิคเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน จะช่วยพนักงานสามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น ส่งผลให้การทำงานราบรื่นยิ่งขึ้น และยังช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการบริหารเวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย

 

2. การสื่อสารที่ผิดพลาด

พนักงานออฟฟิศจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาการสื่อสาร เช่น การส่งอีเมลที่คลุมเครือ หรือการไม่อธิบายงานอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด

คำแนะนำ:

  • ตรวจสอบข้อความหรือข้อมูลที่ต้องการสื่อสารก่อนส่งออกทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อความมีความชัดเจนและเข้าใจง่าย

  • เลือกใช้เครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสม เช่น Microsoft Teams หรือ Slack ซึ่งช่วยให้การสื่อสารในทีมมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการสนทนาผ่านช่องทางเหล่านี้มักจะมีลายลักษณ์อักษรชัดเจนและสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

  • จัดประชุมสั้น ๆ เป็นประจำเพื่อทบทวนงานที่กำลังดำเนินการและแนวทางการสื่อสาร เพื่อให้ทุกคนในทีมเข้าใจตรงกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

การปรับเปลี่ยนวิธีการสื่อสารในองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงานและส่งเสริมการทำงานเป็นทีมได้ดีขึ้น

 

3. การละเลยสุขภาพกายและใจ 

การนั่งทำงานในท่าเดิมนาน ๆ หรือละเลยการพักผ่อนอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่อพนักงานออฟฟิศ เช่น อาการปวดหลัง หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน

คำแนะนำ:

  • ยืดเส้นยืดสาย ทุก ๆ 30 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

  • จัดโต๊ะทำงานให้เหมาะสมกับสรีระ เช่น การเลือกใช้เก้าอี้เพื่อสุขภาพและปรับความสูงของโต๊ะหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา

  • หาเวลาทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การเดินเล่น ฟังเพลงโปรด หรือทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย

การใส่ใจดูแลสุขภาพทั้งกายและใจไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ แต่ยังช่วยเพิ่มความสุขและพลังงานให้พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายของชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่

4. รีบทำ รีบเสร็จ รีบส่ง ไม่ใส่ใจในรายละเอียดของงาน 

พนักงานออฟฟิศบางคนมักทำงานแบบขอไปที หรือไม่ตรวจทานงานก่อนส่ง อาจทำให้งานออกมามีข้อผิดพลาดและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ขององค์กร

  • ตรวจทานงานอย่างละเอียด ทุกครั้งก่อนส่ง เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

  • ใช้เครื่องมือช่วยในการตรวจสอบ เช่น Grammarly สำหรับงานเขียน หรือนำซอฟต์แวร์เฉพาะทางมาใช้ในงานด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยตรวจความถูกต้องและเพิ่มประสิทธิภาพ

  • ตั้งเป้าหมายคุณภาพที่ชัดเจน เพื่อเป็นกรอบในการทำงานให้บรรลุผลลัพธ์ที่ได้มาตรฐานและตอบโจทย์ความต้องการ

เพียงแค่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดในทุกขั้นตอน ก็สามารถยกระดับผลงานให้สะท้อนถึงความเป็นมืออาชีพและช่วยสร้างความไว้วางใจในระยะยาว

5. รู้สึกอิ่มตัว ไม่พัฒนาทักษะใหม่ ๆ 

การหยุดนิ่งในการเรียนรู้และไม่ปรับตัวกับเทคโนโลยีใหม่อาจทำให้พนักงานออฟฟิศตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลงในองค์กร นอกจากนี้ยังอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในสายงาน และลดความสามารถในการแข่งขันกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

คำแนะนำ: 

  • ลงทะเบียนเรียนคอร์สออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ เช่น Coursera หรือ Udemy เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะที่ทันสมัยในสายงาน

  • อ่านหนังสือหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับอาชีพ เพื่อทำความเข้าใจแนวโน้มและกลยุทธ์ใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ในงาน

  • ขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเพื่อนร่วมงาน ที่มีความชำนาญในเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ เพื่อให้ได้มุมมองและคำแนะนำที่เหมาะสม

  • ติดตามเทรนด์เทคโนโลยีและการพัฒนาในสายงาน อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงและนำไปต่อยอดในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ไม่เพียงช่วยให้คุณตามทันการเปลี่ยนแปลง แต่ยังเป็นการเพิ่มคุณค่าให้ตัวเองในสายงาน และสร้างความมั่นคงในอนาคต

6. บาลานซ์ชีวิตได้ไม่ดีพอ หรือขาดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว

การทำงานหนักเกินไปโดยไม่พักผ่อน อาจทำให้พนักงานออฟฟิศเกิดความเครียดเรื้อรังหรือหมดไฟ หรือแม้กระทั่งการกระทบความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง การขาดสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวไม่เพียงทำให้คุณเหนื่อยล้า แต่ยังลดประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาวอีกด้วย

คำแนะนำ:

  • กำหนดเวลาเลิกงานที่แน่นอน และฝึกวินัยในการหยุดทำงานเมื่อถึงเวลา หลีกเลี่ยงการตรวจอีเมลหรือรับโทรศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับงานนอกเวลางาน เว้นแต่จะเป็นเรื่องเร่งด่วนจริง ๆ

  • ใช้วันหยุดอย่างคุ้มค่า ด้วยการวางแผนทำกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย เช่น การท่องเที่ยว การทำกิจกรรมกับครอบครัว หรือการดูแลสุขภาพตัวเอง

  • สื่อสารกับหัวหน้างาน หากคุณรู้สึกว่างานที่ได้รับมอบหมายเกินกำลังหรือทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับชีวิตส่วนตัว เพื่อหาทางปรับสมดุลและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

  • หากิจกรรมที่ช่วยปลดปล่อยความเครียด เช่น ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่ช่วยเติมพลังให้คุณทั้งร่างกายและจิตใจ

การรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว พร้อมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขในทุกวัน

 

7. การเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน

พนักงานออฟฟิศบางคนมักมองข้าม หรือเพิกเฉยต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน อาจนำไปสู่ความตึงเครียดในที่ทำงาน ความขัดแย้งที่ไม่จำเป็น ความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานไม่ได้ส่งผลแค่บรรยากาศที่เป็นมิตรเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมอีกด้วย

คำแนะนำ:

  • เข้าร่วมกิจกรรมของทีม เช่น การทำ Team Building หรือกิจกรรมสันทนาการอื่น ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและเสริมความเป็นทีม

  • เปิดใจรับฟังความคิดเห็น ของเพื่อนร่วมงานด้วยความเคารพ แม้ว่าอาจมีมุมมองที่แตกต่าง เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความขัดแย้ง

  • แสดงน้ำใจและความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นการช่วยแก้ไขปัญหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือการเสนอความช่วยเหลือในโครงการที่เพื่อนร่วมงานรับผิดชอบ

  • แสดงความชื่นชมและให้กำลังใจ เมื่อเพื่อนร่วมงานประสบความสำเร็จหรือทำผลงานได้ดี เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและส่งเสริมการทำงานร่วมกัน

การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานเป็นพื้นฐานสำคัญของทีมที่เข้มแข็ง และช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

8. การทำงานในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม

พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่มักคิดว่านั่งทำงานที่ไหนก็เหมือนกัน เสียงดังบ้าง แสงไม่เพียงพอบ้าง หรือสภาพอากาศที่ถ่ายเทไม่สะดวกบ้าง ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และทำให้คุณรู้สึกเครียดหรือเหนื่อยล้าได้ไม่รู้ตัว 

คำแนะนำ: 

  • จัดพื้นที่ทำงานให้เป็นระเบียบและสะดวกสบาย ด้วยการจัดโต๊ะและเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระของคุณ เพื่อช่วยลดความเครียดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน

  • เลือกสถานที่ทำงานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ออฟฟิศให้เช่าที่มีพื้นที่ทำงานที่ดี มีแสงไฟที่เพียงพอ และอากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งช่วยเพิ่มความสดชื่นและความผ่อนคลายในการทำงาน

  • เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานบ้าง เช่น ไปทำงานที่ Co-working Space หรือเลือกทำงานในห้องที่มีวิวสวย ๆ นอกสำนักงาน เพื่อหลีกหนีจากความจำเจและช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

  • จัดพื้นที่ให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ เช่น มุมพักผ่อน มุมอ่านหนังสือ หรือพื้นที่สำหรับพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งช่วยลดความเครียดและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

การใส่ใจในสภาพแวดล้อมการทำงานสามารถช่วยเพิ่มความพึงพอใจในการทำงานและเสริมสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น

 

9. การตั้งเป้าหมายที่ไม่สมเหตุสมผล

เช่น เป้าหมายที่ยากเกินไปหรือไม่สามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน อาจทำให้พนักงานรู้สึกท้อแท้และขาดแรงจูงใจในการทำงาน การตั้งเป้าหมายที่ดีควรมีลักษณะเฉพาะเจาะจง มีการวัดผลได้ และสอดคล้องกับทรัพยากรและสถานการณ์ขององค์กร

คำแนะนำ:

  • ใช้หลักการ SMART Goals ซึ่งย่อมาจาก Specific (เฉพาะเจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (ทำได้), Relevant (สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ขององค์กร) และ Time-bound (มีกรอบเวลา) เพื่อให้เป้าหมายมีความชัดเจนและสามารถติดตามความสำเร็จได้

  • แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อย เพื่อทำให้เป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและลดความรู้สึกท้าทายที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้

  • ขอคำปรึกษาจากหัวหน้างานหรือนักวางแผนการทำงาน เพื่อให้ได้มุมมองที่เป็นประโยชน์และการสนับสนุนในการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมและท้าทายพอดี

  • ทบทวนและปรับเปลี่ยนเป้าหมายเป็นระยะ ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะและความก้าวหน้าในการทำงานของพนักงาน รวมถึงการปรับเป้าหมายเมื่อพบว่าสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรเปลี่ยนแปลง

การตั้งเป้าหมายที่สมเหตุสมผลจะช่วยเพิ่มความมุ่งมั่นและพลังในการทำงาน รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานในการบรรลุผลลัพธ์ที่ดี

 

10. การไม่ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กร

พนักงานออฟฟิศบางคนมักต่อต้านการเปลี่ยนแปลงในองค์กร เช่น การปรับโครงสร้างทีม หรือการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ อาจทำให้พนักงานรู้สึกท้อแท้และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว ปัญหานี้มักเกิดจากความไม่พร้อมในการปรับตัวหรือความรู้สึกไม่มั่นคงในสภาพแวดล้อมการทำงานใหม่

คำแนะนำ:

  • เปิดใจเรียนรู้และมองการเปลี่ยนแปลงในแง่บวก โดยพยายามเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจนำไปสู่การพัฒนาตนเองและองค์กรในทางที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่การปรับปรุงประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต

  • ขอคำแนะนำหรือฝึกอบรมเพิ่มเติมเมื่อต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การฝึกอบรมเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ หรือการปรับโครงสร้างทีม เพื่อให้พนักงานมีความมั่นใจและรู้สึกพร้อมในการเปลี่ยนแปลง

  • ใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่ โดยค่อย ๆ ทำความคุ้นเคยกับวิธีการทำงานใหม่ ๆ หรือเครื่องมือใหม่ ๆ ที่นำเข้ามาในองค์กร ซึ่งช่วยลดความเครียดและเพิ่มความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลง

  • สื่อสารและทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง กับพนักงานเกี่ยวกับเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนแปลง รวมถึงผลลัพธ์ที่องค์กรคาดหวัง เพื่อให้พนักงานเห็นภาพรวมและเชื่อมโยงการเปลี่ยนแปลงกับเป้าหมายขององค์กร

การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีประสิทธิภาพไม่เพียงแต่ช่วยลดความตึงเครียดในองค์กร แต่ยังสร้างวัฒนธรรมที่มีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

ท้ายที่สุดควรลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพด้วยสำนักงานที่เหมาะสม

ข้อผิดพลาดที่พนักงานออฟฟิศมักเผชิญในชีวิตการทำงานสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ สุขภาพ และประสิทธิภาพก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

 

StarWork Serviced office ออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่ คือคำตอบสำหรับพนักงานออฟฟิศยุคใหม่ที่ต้องการออฟฟิศให้เช่าในเชียงใหม่ที่ครบครันและตอบโจทย์ทุกความต้องการ ด้วยจุดเด่นดังนี้:

  • สภาพแวดล้อมที่สร้างแรงบันดาลใจ ด้วยพื้นที่สีเขียวและการตกแต่งสไตล์ธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และลดความเครียด

  • สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง, ห้องประชุมหลากหลายขนาด, และโซนพักผ่อนที่สะดวกสบาย

  • ทำเลที่สะดวกสบาย ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกและง่ายดาย

  • สังคมคุณภาพในที่ทำงาน เนื่องจาก StarWork Serviced office ออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่ เป็นออฟฟิศให้เช่าที่มีธุรกิจหลากหลาย และมีผู้คนมากมายให้ทำความรู้จัก คุณจะได้เจอกับสังคมที่คล้ายคลึงกับคุณเช่นกัน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

 

หากคุณกำลังมองหาออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ลดความเครียด และสร้างสมดุลชีวิตที่ดีขึ้น StarWork Serviced office ออฟฟิศให้เช่าเชียงใหม่ พร้อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณและทีมงาน สามารถติดต่อสอบถามราคา ออฟฟิศให้เช่า ได้ทาง : 

 

www.starworkchiangmai.com ใช้คุกกี้ (Cookies)

www.starworkchiangmai.com ใช้คุกกี้ เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลและนำเสนอ ประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับผู้อ่าน บนของเว็บไซต์เรา www.starworkchiangmai.com โดยไม่มีการปรับเปลี่ยนตั้งค่าใดๆ ทาง www.starworkchiangmai.com ถือว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา